• Email :
  • info@eartone.com

Tinnitus

เสียงในหู

โดย นพ. มานัต อุทุมพฤกษ์พร

การได้ยินเสียงเหมือนเสียงจักจั่นหรือเสียงลมในหูโดยไม่มีเสียงนั้นจริงๆ จากภายนอก เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป บางคนอาจได้ยินเสียงเหมือนอยู่ในศีรษะหรือบอกตำแหน่งได้ไม่ชัด จากการสำรวจทั่วโลกพบว่ามีผู้ที่ได้ยินเสียงในหูประมาณ 15% ของประชากรในแต่ละประเทศ ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า ทินไนตัส (Tinnitus)

เมื่อเสียงกระทบหู คลื่นเสียงจะเคลื่อนที่จากหูชั้นนอกเข้าสู่หูชั้นใน ส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยินหรือโคเคลีย (Cochlea) หูชั้นในจะเปลี่ยนคลื่นเสียงเป็นคลื่นไฟฟ้า และส่งไปตามระบบประสาทการรับเสียงระดับต่างๆ จนถึงระดับสูงสุดของสมอง สมองระดับสูงสุดจะสั่งให้เกิดการตอบสนองต่อเสียง โดยแสดงออกทางระบบประสาทอัตโนมัติ ทางร่างกายและทางอารมณ์ เกิดจินตนาการต่างๆ ขึ้น เช่น ได้ยินเสียงสุนัขเห่าจะจินตนาการเห็นภาพสุนัขโดยที่ไม่เห็นตัว เด็กที่เคยถูกสุนัขกัดจะเกิดความกลัวขึ้นมาทันที

รูปแบบการตอบสนองต่างๆ นี้ ถูกเก็บสะสมไว้ตั้งแต่แรกคลอดจนโต ทั้งเวลาตื่นและหลับ ปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงใหม่จะถูกเก็บสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างเป็นระบบในสมองไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับเสียงที่ไม่มีความสำคัญหรือไม่มีอันตรายต่อการดำรงชีวิตจะถูกละเลยไว้แค่สมองระดับล่างคือในระดับจิตใต้สำนึก ไม่เกิดปฏิกิริยาทางกายและอารมณ์ เสียงที่มีความสำคัญหรือคุกคามต่อการดำรงชีวิตจะถูกขยายให้เด่นขึ้นและเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ เช่น เราจะหันไปหาเสียงที่เรียกชื่อเราทันที แม้เสียงนั้นจะเบาและอยู่ในที่ที่มีเสียงจอแจ เมื่อได้ยินเสียงปืนหรือเสียงระเบิด หัวใจจะเต้นเร็ว ตื่นตัว และเอามืออุดหู หรือเมื่อเราอยู่ในสภาพแวดล้อมของธรรมชาติ เช่น ชายทะเล ในป่า เสียงลมพัด เสียงคลื่น เสียงนกร้อง จะทำให้เรามีอารมณ์ผ่อนคลาย จิตใจสงบ

เสียงในหูเกิดขึ้นได้อย่างไร

จนถึงปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของอาการเสียงในหูได้ แต่จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Heller และ Herqman ในปี ค.ศ. 1953 พบว่า ในคนปกติที่ไม่เคยได้ยินเสียงในหู เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องเงียบมากๆ ที่ไม่มีเสียงรบกวน จะได้ยินเสียงในหูแบบเดียวกับผู้ที่มีเสียงในหู จึงเชื่อว่าโดยปกติจะมีเสียงที่เกิดจากการทำงานของระบบประสาทการรับเสียงในสมอง แต่สมองได้เรียนรู้ว่าเสียงนี้ไม่มีความสำคัญ มันจึงถูกละเลยไว้ใต้จิตสำนึก แต่ในผู้ที่มีเสียงในหูอาจจะเกิดความผิดพลาดในการรับรู้เสียงนี้ชั่วขณะหนึ่ง เช่น ประสาทหูถูกทำลายหรืออยู่ในภาวะเครียดกังวลมาก ทำให้สมองจดจำเสียงการทำงานของประสาทนี้เป็นเสียงคุกคามและให้ความสำคัญกับเสียงนี้ สมองจึงสั่งการให้ร่างกายตื่นตัวเตรียมพร้อมเพื่อรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา นอนไม่หลับ กังวล และเครียด ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ จนกลายเป็นนิสัย เชื่อกันว่าในผู้ที่มีหูไวผิดปกติก็เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน ระบบประสาทการรับเสียง ระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบประสาทควบคุมอารมณ์ เกิดการตอบสนองเสมือนหนึ่งว่าร่างกายอยู่ในสภาวะถูกคุกคาม จึงตื่นตัวและไวเกินปกติอยู่ตลอดเวลา แม้มีเสียงกระตุ้นเพียงเบาๆ ก็จะถูกขยายให้ดังเกินเหตุ เกิดปฏิกิริยาในทางลบ เช่น ไม่ชอบเสียงที่เปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยหรือกลัวเสียง

Image
Image
Image

ประเภทของเสียงในหู

เสียงในหูแบ่งได้เป็น 2 ประเภท

  • เสียงในหูประเภทที่สามารถตรวจพบได้ เช่น ผู้ที่มีหลอดเลือดบริเวณคอ ฐานกะโหลกศีรษะแคบลงผิดปกติ เมื่อเลือดไหลผ่านหลอดเลือดที่แคบลงจะเกิดเสียงดังขึ้น ถ้าใช้เครื่องมือดักฟังก็จะได้ยินเสียงเหมือนที่ผู้ป่วยได้ยินเอง หรือบางท่านอาจได้ยินเสียงการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณเพดานปาก กล้ามเนื้อในหูชั้นกลาง หรือการเปิด-ปิดของท่อปรับความดันอากาศในหูชั้นกลาง
  • เสียงในหูประเภทที่ไม่สามารถตรวจพบได้ ได้ยินเฉพาะผู้ที่มีอาการ แต่ผู้อื่นไม่ได้ยิน เสียงในหูประเภทนี้สามารถแบ่งตามสาเหตุที่เกิดได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
    • เสียงในหูที่มีสาเหตุ เสียงในหูอาจเกิดในผู้ที่ป่วยเป็นโรคอื่น เช่น เมื่อถูกตบที่หูอาจจะมีอาการหูอื้อ ได้ยินน้อยลง ขณะเดียวกันจะได้ยินเสียงในหูดังวี้ดๆ นานเป็นวัน ผู้ที่ได้รับยาฉีดโดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เช่น สเตรปโตมัยซิน อาจจะมีเสียงในหูร่วมกับประสาทหูที่เสื่อม ในผู้สูงอายุที่มีประสาทหูเสื่อมบางท่านอาจจะมีเสียงในหูร่วมด้วย ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมีเนีย (Meniere) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการของโรคที่ประกอบไปด้วยอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน การได้ยินลดลง อาจจะมีเสียงในหูร่วมด้วยได้ ในผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 8 (Acoustic neuroma) อาจมีอาการเสียงในหูร่วมด้วย ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหินปูนเกาะที่ฐานกระดูกโกลน (Otosclerosis) อาจมีเสียงในหูร่วมกับการได้ยินที่ลดลงได้ เสียงในหูประเภทเหล่านี้อาจจะลดลงหรือหายไปได้ ถ้าหากสาเหตุของโรคได้รับการแก้ไข
    • เสียงในหูที่ตรวจไม่พบสาเหตุใดๆ ผู้ที่มีเสียงในหูส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนี้และเป็นกลุ่มที่พบมากที่สุด ตรวจไม่พบสาเหตุและไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นได้ในคนสุขภาพกายและจิตปรกติ

จำแนกเสียงในหูตามระยะเวลาที่เป็น

ประเภทแรก  เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน ไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งมักเป็นชั่วคราว โอกาสที่จะหายเองมีมาก เช่น เมื่อเข้าไปในที่เงียบหรือห้องเก็บเสียงจะได้ยินเสียงในหูชั่วคราวแล้วค่อยๆ หายไป

ประเภทที่สอง  ประเภทเรื้อรัง คือเป็นนานเกิน 3 เดือน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดประมาณ 80% ของผู้ที่มีเสียงในหูทั้งหมดและมักหาสาเหตุไม่พบ โอกาสหายเองมีน้อย ต้องปรึกษาแพทย์ถ้าหากเกิดความรำคาญมากจนมีอาการหงุดหงิด ขาดสมาธิในการทำงาน นอนหลับยากหรือนอนไม่หลับ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หรือมีอาการหูไวผิดปกติต่อเสียง (Hyperscusis) บางชนิด หรือเป็นมากถึงขั้นกลัวเสียง (Phonophobia)

ดาวน์โหลดแผ่นพับเกี่ยวกับเครื่องช่วยฟัง

Image
Image
Image
Image
eartone-logo-bottom.png


ศูนย์บริการข้อมูลเครื่องช่วยฟัง

โทร 02-712-1177

02-713-6232

085-357-8777

ทดสอบการได้ยิน

hearing test icon 01

คุณหูตึงหรือไม่ เชิญทดสอบได้ฟรี โดยดาวน์โหลด Eartone App ใน iPhone หรือ Android (Samsung)

Search